เปิดในหน้าต่างใหม่
อัพเดท 20 กรกฎาคม 2565

Apple มอบอำนาจให้แก่ผู้คนในการจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเอง

รายงานชิ้นใหม่นำเสนอวิธีการที่ผลิตภัณฑ์ Apple ช่วยให้ผู้ใช้งาน นักพัฒนา และองค์กรด้านสุขภาพมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นในด้านสุขภาพส่วนบุคคล งานวิจัย และการดูแล
ภาพประกอบแสดงให้เห็นผู้หญิงกำลังเล่นโยคะอยู่กลางแจ้ง คนไข้และหมอกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องทำงาน และผู้ชายที่กำลังวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ
วันนี้ Apple แชร์ รายงานชิ้นใหม่ ที่นำเสนอภาพคร่าวๆ ของวิธีการที่ผลิตภัณฑ์ Apple มอบอำนาจให้แก่ผู้คนในการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในเรื่องสุขภาพของตนเอง และทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์อันชาญฉลาดในด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับพวกเขา โดยที่ผู้ใช้งาน นักพัฒนา สถาบันทางการแพทย์ และองค์กรสุขภาพทั่วโลกต่างก็กำลังใช้งานอุปกรณ์ คุณสมบัติ และ API ของ Apple เพื่อทำลายปราการที่ขวางกั้นผู้คนกับข้อมูลสุขภาพของตนเอง ในขณะที่ยังคงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวอยู่เสมอ
ความพยายามของ Apple ในการสร้างความก้าวหน้าให้แก่สุขภาพพื้นฐานแบ่งเป็นสองหมวดหมู่ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในสองส่วนที่เกี่ยวข้องกันของรายงาน ส่วนแรกบรรยายถึงการมุ่งเน้นของ Apple ในด้านสุขภาพส่วนบุคคลและคุณสมบัติด้านฟิตเนส บน Apple Watch และ iPhone ซึ่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์และสามารถใช้งานได้จริง ที่ช่วยปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ส่วนที่สองเป็นเรื่องราวการทำงานของ Apple กับชุมชนทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการดูแลสุขภาพ โดยทั้งสองส่วน พร้อมทั้งส่วน Extensions และ Spotlights ที่ตอนท้ายของรายงาน มีการนำเสนอตัวอย่างอันหลากหลายจากนักพัฒนาบริษัทอื่น สถาบันสุขภาพ และองค์กรซึ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี Apple
"เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีสามารถมีบทบาทในการปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพ รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้คนใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพได้ และเราก็ตื่นเต้นไปกับวิธีการมากมายที่ผู้ใช้งานใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสของเรา และวิธีการที่นักพัฒนาบริษัทอื่น สถาบัน และองค์กรต่างๆ ใช้งานเทคโนโลยี Apple เพื่อสร้างความก้าวหน้าในด้านสุขภาพและวิทยาศาสตร์" Jeff Williams หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Apple กล่าว "วิสัยทัศน์ของเราต่ออนาคตก็คือการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อผู้คนมีข้อมูลเพิ่มมากยิ่งขึ้น และทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์อันชาญฉลาดสำหรับสุขภาพของพวกเขา เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่เป็นเพียงแค่ผู้โดยสารบนเส้นทางสุขภาพของตนเอง แต่เราต้องการให้ทุกคนได้เป็นผู้ควบคุมเส้นทางนี้ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์และสามารถใช้งานได้จริง"
ผู้หญิงกำลังถือ iPhone ทำท่าลันจ์อยู่ในภาพประกอบนี้

เพิ่มอำนาจแก่ผู้ใช้งานบนเส้นทางสุขภาพของตนเอง

นับจากการเปิดตัวแอปสุขภาพเมื่อปี 2014 และ Apple Watch เมื่อปี 2015 Apple ได้แนะนำนวัตกรรมด้านสุขภาพและคุณสมบัติด้านฟิตเนสที่หลากหลาย ด้วยเป้าหมายที่จะมอบข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์และเข้าใจได้ง่ายให้แก่ผู้ใช้งาน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีอำนาจในการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยรายงานเสนอภาพสี่เสาหลักของคุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสของ Apple ได้แก่ 1) การมอบพื้นที่ส่วนกลางที่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งานในการจัดเก็บและดูข้อมูลสุขภาพของตนเองในแอปสุขภาพ 2) การมอบคุณสมบัติที่ทำให้ Apple Watch สามารถทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์อันชาญฉลาดสำหรับสุขภาพของผู้ใช้งาน 3) การมอบคุณสมบัติที่ช่วยผู้ใช้งานปรับปรุงสุขภาพและฟิตเนสในแต่ละวัน เพื่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น และ 4) การผลักดันการสร้างสรรค์แอปสุขภาพและฟิตเนสของบริษัทอื่นด้วยเครื่องมือนักพัฒนา
ในการเปิดตัว iOS 16 และ watchOS 9 ปลายปีนี้ Apple Watch และ iPhone จะมอบคุณสมบัติที่เน้นในเรื่องสุขภาพและฟิตเนส 17 ด้าน ตั้งแต่สุขภาพหัวใจและการนอนหลับไปจนถึงการเคลื่อนไหว รวมถึงสุขภาพผู้หญิง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในหลายต่อหลายปีที่ผ่านมา ลูกค้าทุกวัยต่างก็บอกเล่าด้วยถ้อยคำของตนเองว่า คุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาอย่างไร โดยหลายคนได้เล่าเรื่องราวของตัวเองไว้ในรายงานนี้ ซึ่งมีทั้งลูกค้าที่ได้ค้นพบปัญหาสุขภาพหัวใจที่ร้ายแรง ได้รับความช่วยเหลือฉุกเฉินหลังการล้ม หรือปรับปรุงสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้นเป็นอย่างมากจากการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
ผู้หญิงกำลังถือ iPhone ทำท่าลันจ์อยู่ในภาพประกอบนี้
ตอนนี้ ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลสุขภาพต่างๆ มากกว่า 150 ประเภทจาก Apple Watch, iPhone รวมทั้งแอปและอุปกรณ์สุขภาพของบริษัทอื่นที่เชื่อมต่อกัน เอาไว้ในมุมมองแบบรวมศูนย์ในแอปสุขภาพ นอกเหนือไปจากบันทึกข้อมูลสุขภาพที่มาจากสถาบันที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกันในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และแคนาดา โดยในขณะนี้มีแอปนับหมื่นบน App Store ที่ใช้ HealthKit API ซึ่งอนุญาตให้นักพัฒนาผสานรวมข้อมูลที่ผู้ใช้งานเลือกที่จะแชร์จากแอปสุขภาพ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ด้านสุขภาพและฟิตเนสที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมด้วยการรักษาความเป็นส่วนตัวและโปรโตคอลด้านความปลอดภัยของข้อมูลอันเข้มงวด โดยรายงานเน้นให้เห็นถึงตัวอย่างของแอปยอดนิยมระดับโลกที่ใช้ HealthKit อย่างเช่น Nike Run Club, Calm และ WeightWatchers รวมถึง Qardio heart health และ Withings Health Mate ซึ่งใช้อุปกรณ์เสริมที่เชื่อมต่อกันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามและจับตาดูสุขภาพตัวเองในด้านต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

สนับสนุนระบบนิเวศด้านสุขภาพด้วยการทำงานร่วมกับชุมชนทางการแพทย์

Apple เชื่อว่านวัตกรรมด้านสุขภาพที่แข็งแกร่งที่สุดจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการทำงานร่วมกันโดยตรงกับชุมชนทางการแพทย์ และรายงานนี้ก็บรรยายถึงการทำงานร่วมกันในสี่หมวดหมู่ ได้แก่ 1) การสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้นักวิจัยสร้างการค้นพบทางวิทยาศาตร์ใหม่ๆ 2) การช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ 3) การทำงานร่วมกับองค์กรสุขภาพเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพในวงกว้าง และ 4) การสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขและโครงการริเริ่มของรัฐบาล
เฟรมเวิร์ค ResearchKit ช่วยให้นักวิจัยมีโอกาสในการสรรหาผู้เข้าร่วมวิจัยจากฐานผู้ใช้งาน iPhone และ Apple Watch จำนวนมาก และผู้เข้าร่วมก็สามารถเลือกได้ในการแชร์ข้อมูลสุขภาพเพื่อช่วยสร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาตร์ โดย Apple ได้ใช้แอป Research ในการทำงานร่วมกับโรงเรียนสาธารณสุข Harvard T.H. Chan และสถาบันอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, Brigham and Women’s Hospital และสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา รวมทั้งมหาวิทยาลัยมิชิแกนและองค์การอนามัยโลก เพื่อมอบโอกาสให้แก่ผู้ใช้งานทั่วทั้งสหรัฐฯ ในการมีส่วนร่วมกับการศึกษาวิจัยซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกจำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ การศึกษาสุขภาพผู้หญิงของ Apple, การศึกษาเรื่องหัวใจและการเคลื่อนไหวของ Apple และการศึกษาเรื่องการได้ยินของ Apple โดยมีการเรียนรู้ขั้นต้นจากการศึกษาเหล่านี้ปรากฎอยู่ในรายงานฉบับนี้ รวมถึงข้อมูลจากการศึกษาอื่นๆ ที่ Apple ให้การสนับสนุน อย่างเช่นการศึกษาเรื่องภาวะหัวใจล้มเหลวกับ University Health Network และ การศึกษาด้านสุขภาพจิตในโลกดิจิทัลกับ UCLA
บันทึกสุขภาพในแอปสุขภาพบน iPhone พร้อมด้วยแอปและอุปกรณ์ที่พัฒนาโดยบริษัทอื่นซึ่งใช้เครื่องมือนักพัฒนาของ Apple ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และคนไข้ด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยตอนนี้บันทึกสุขภาพสามารถใช้งานได้สำหรับคนไข้ที่สถาบันกว่า 800 แห่งในสถานที่มากกว่า 12,000 แห่ง ทำให้คนไข้สามารถเห็นข้อมูลทางการแพทย์ตัวเองจากผู้ให้บริการหลายรายในแอปสุขภาพได้อย่างง่ายดายเมื่อใดก็ตามที่ต้องการ และงานวิจัยก็แสดงให้เห็นว่าคนไข้ในโปรแกรม UVA Health care at home ที่เชื่อมโยงข้อมูลกับทีมดูแลสุขภาพของตนเองจากระยะไกลด้วยแอป Corrie Health ได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่า รวมถึงกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ที่ให้ทหารผ่านศึกยืมอุปกรณ์ Apple เพื่อเชื่อมโยงพวกเขากับบริการดูแลสุขภาพสำหรับทหารผ่านศึก ส่วนทีมดูแลสุขภาพที่ Ochsner Health System และ NHS Sunderland ก็สามารถช่วยเหลือคนไข้ที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ดีกว่า และที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโอเดนส์ และโรงพยาบาลเด็กแห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย การติดตามดูจากระยะไกลก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมถึงระยะเวลาในการอยู่ในหน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต (NICU) โดยทารกที่คลอดก่อนกำหนดสามารถกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ได้ และทีมดูแลสามารถติดตามดูแลได้จากระยะไกล
องค์กรและบริษัทด้านสุขภาพทั่วโลก อย่างเช่น Paceline ในสหรัฐฯ, Vitality Active Rewards ในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย รวมถึง LumiHealth ในสิงคโปร์ ต่างก็ทำงานร่วมกับ Apple เพื่อผสานรวม Apple Watch เข้ากับโปรแกรมดูแลสุขภาพของพวกเขา ปัจจุบัน มีโปรแกรมจำนวน 55 รายการที่กำลังดำเนินการอยู่ใน 17 ประเทศ โดยมีผู้ใช้งานมากกว่าล้านรายที่กำลังมีส่วนร่วมในโปรแกรมการสร้างแรงจูงใจที่ใช้ประโยชน์จาก Apple Watch โดยโปรแกรมเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มระดับกิจกรรมทางร่างกายของผู้เข้าร่วม และใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมสุขภาพ อย่างเช่นการตั้งเป้าไปที่รูปแบบการนอนหลับที่สม่ำเสมอมากขึ้น การเน้นที่การมีสติ และการเปลี่ยนไปรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
สุดท้าย รายงานได้เน้นถึงการเป็นพันธมิตรของ Apple กับแพทย์และรัฐบาลท้องถิ่นในแบบที่ไม่เหมือนใครเพื่อสนับสนุนการทำงานที่สำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมด้านสาธารณสุข รวมถึงการสร้างแอปและคุณสมบัติต่างๆ ในช่วงวิกฤตการณ์สุขภาพจาก COVID-19
แพทย์กำลังถือ iPad พูดคุยกับคนไข้ในอยู่ในภาพประกอบนี้

การยึดหลักด้านวิทยาศาตร์และการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

คุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสทั้งหมดของ Apple ได้รับการพัฒนาภายใต้หลักการสำคัญสองประการได้แก่
  • กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องด้านวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวด: แพทย์ภายในองค์กรของ Apple มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับวิศวกรและนักออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยชั้นแนวหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาตร์และใช้งานง่าย
  • ความเป็นส่วนตัวคือหัวใจสำคัญ: ความเป็นส่วนตัวเป็นคุณค่าหลักของ Apple และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลก็มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับข้อมูลสุขภาพที่มีความอ่อนไหว คุณสมบัติสุขภาพและฟิตเนสของ Apple ถือความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ และมอบการปกป้องให้แก่ผู้ใช้งานรวมถึงความโปร่งใสและการควบคุม โดยเมื่อล็อค iPhone ด้วยรหัสผ่าน, Touch ID หรือ Face ID ข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสทั้งหมดในแอปสุขภาพนอกเหนือจาก Medical ID จะถูกเข้ารหัสทั้งหมด และข้อมูลสุขภาพใดๆ ก็ตามที่ซิงค์กับ iCloud ก็จะถูกเข้ารหัสทั้งในระหว่างการส่งข้อมูลและเมื่ออยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple และหากผู้ใช้งานใช้ watchOS และ iOS เวอร์ชั่นก่อนที่มีการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยและรหัสผ่านเป็นค่าเริ่มต้น ข้อมูลสุขภาพและกิจกรรมของพวกเขาก็จะถูกเก็บเอาไว้ในแบบที่ Apple ไม่สามารถอ่านได้ ข้อมูลแอปสุขภาพจะไม่มีการแชร์กับบริษัทอื่นใดโดยปราศจากการยินยอมจากผู้ใช้งาน และหากผู้ใช้งานตัดสินใจที่จะแชร์ข้อมูลสุขภาพของตนเอง แอปสุขภาพก็ยังมอบการควบคุมแบบละเอียดให้แก่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับประเภทของข้อมูลที่จะแชร์และผู้ที่พวกเขาต้องการจะแชร์ด้วย โดยพวกเขาสามารถทบทวนและจัดการการอนุญาตได้ตลอดเวลา
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com