เปิดในหน้าต่างใหม่
เด็กๆ โต้ตอบกับผนังโดยใช้แอป Deep Field บน iPad Pro
นักเรียนที่มาเที่ยวชม Art Gallery of New South Wales ในซิดนีย์เป็นหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่ได้สัมผัสประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงจาก Deep Field ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มใหม่ในด้าน AR
นักสร้างสรรค์ 6 กรกฎาคม 2566
Deep Field คือประสบการณ์และแอปใหม่ด้านศิลปะที่เต็มอิ่มสมจริง ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยศิลปินและนักเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ชาวออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงอย่าง Tin Nguyen และ Edward Cutting แห่ง Tin&Ed โดยได้แรงบันดาลใจจากความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้น ประสบการณ์ Augmented Reality (AR) และเสียงแบบอินเทอร์แอ็คทีฟ ซึ่งในช่วงแรกจะมีที่ Art Gallery of New South Wales ในซิดนีย์ และ Getty Center ในลอสแอนเจลิสนั้น ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนและครอบครัวทั่วโลกได้ร่วมกันสร้างสรรค์และสร้างสัมพันธ์ในแบบเรียลไทม์ผ่านสภาพแวดล้อมที่ทุกคนช่วยกันจินตนาการขึ้นใหม่
Deep Field เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมนำงานศิลปะและสิ่งรอบตัวมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการวาดพืชพันธุ์และสัตว์ประจำถิ่นในแบบของตัวเองโดยใช้ประโยชน์จากขุมพลังและความสะดวกในการพกพาของ iPad Pro ร่วมกับความแม่นยำของ Apple Pencil ในการเพาะบ่มความคิดสร้างสรรค์ โดยหลังจากคิดจินตนาการภาพส่วนประกอบของพืชแล้ว ผู้เข้าร่วมก็จะสเก็ตช์ภาพด้วย Apple Pencil ในแอป Deep Field บน iPad และผลงานนั้นก็จะได้รับการเพิ่มลงในฐานข้อมูลที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ที่วาดโดยผู้เข้าร่วมจากทั่วโลกในแบบเรียลไทม์ เรียกว่าเป็นการร่วมกันสร้างระบบนิเวศใหม่ที่เผยให้เห็นโลกแห่งพืชพันธุ์ที่ซ่อนเร้นอยู่โดยอาศัยความมหัศจรรย์ของ AR จากนั้นผู้เข้าร่วมก็สามารถชมผลงานศิลปะของตนเองผลิบานกลายเป็นโครงสร้างพืชแบบ 3D อันงดงามทอดยาวไปตามพื้น ผนัง และเพดานรอบตัวจนกลายเป็นโลกใหม่แห่งธรรมชาติอันสมจริงที่เกิดจากจินตนาการ
ประสบการณ์การใช้งานในแบบที่มีการให้คำแนะนำไปทีละขั้นตอนช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้พิจารณาถึงมุมมองใหม่และคิดเกี่ยวกับโลกใบนี้ในมุมที่แตกต่าง ตั้งแต่พืชที่คงอยู่มานานนับพันปี จนถึงพันธุ์ไม้ใหม่ๆ และพันธุ์ไม้ในจินตนาการ นอกจากนี้แอปยังมีโหมด UV ที่จะยกระดับประสบการณ์ไปอีกขั้นโดยการเปิดโอกาสให้นักเรียนและครอบครัวได้ดูโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นใหม่และสัมผัสประสบการณ์ในอีกมิติที่ต่างออกไปโดยการสวมบทบาทเป็นผู้ผสมเกสร
Tin&Ed ซึ่งเป็นศิลปินหลายแขนง ได้สร้างสรรค์ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอ็คทีฟที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนานในโลกที่มุ่งสำรวจและขยายขอบเขตที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่างศิลปะ การออกแบบ และเทคโนโลยี รวมถึงโลกจริงและโลกดิจิทัล ยิ่งกว่านั้น Deep Field ซึ่งเป็นมากกว่าการจำลองที่สมจริง ยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้เพื่อเสริมศักยภาพให้ผู้คนได้ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ออกมาโลดแล่น พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องความจำเป็นในการปกป้องโลกใบนี้
Tin Nguyen และ Edward Cutting จาก Tin&Ed นำเสนอผลงานแก่กลุ่มศิลปินวัยเยาว์
Tin&Ed ซึ่งเป็นศิลปินหลายแขนง พัฒนาแอป Deep Field สำหรับ iPad Pro เพื่อให้ผู้เข้าร่วมจากทั่วโลกได้จินตนาการถึงโลกใหม่ด้วยกันในแบบเรียลไทม์ผ่าน Augmented Reality
การจะทำให้ประสบการณ์ Deep Field เป็นจริงในระดับนี้ได้นั้น Tin&Ed ต้องอาศัยทั้งภูมิหลังด้านศิลปะและการออกแบบ รวมถึงความหลงใหลในด้านเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์เพื่อทำงานสลับไปมาบนอุปกรณ์หลายประเภทอย่างคล่องแคล่ว และขุมพลังของ MacBook Pro, Mac Studio พร้อมชิป M1 Ultra และ Studio Display รวมถึงแพลตฟอร์ม 3D อย่าง Unity ก็ช่วยให้ทั้งคู่สามารถพัฒนาโลก 3 มิติที่มีความซับซ้อนก่อนจะนำมาปรับแต่งเพื่อใช้งานแบบเรียลไทม์ แอป Deep Field ได้รับการออกแบบโดยใช้เฟรมเวิร์ก ARKit ของ Apple จึงสามารถผนวกรวมคุณสมบัติการรับรู้ความลึกใน iPad Pro เข้ากับชิป M2 เพื่อสร้างโครงสร้าง 3D ของพืชในแบบ AR ที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้สแกนเนอร์ LiDAR ใน iPad Pro ยังมาพร้อมความสามารถในการรับรู้ความลึกที่ล้ำสมัยสำหรับวัดระยะทางของแสง และใช้ข้อมูลความลึกระดับพิกเซลของฉากเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ AR ได้รวดเร็วและสมจริงยิ่งขึ้น
นักเรียนคนหนึ่งใช้ iPad Pro และ Apple Pencil เพื่อวาดใบไม้สีเขียวโดยใช้แอป Deep Field
ผู้เข้าร่วมมีโอกาสได้วาดพืชพันธุ์และสัตว์ท้องถิ่นในแบบของตัวเองบน iPad Pro ด้วย Apple Pencil และได้ทดลองใช้สีสันที่สวยสด รวมถึงรูปทรง และรายละเอียดต่างๆ ตามใจชอบ
"สำหรับเราแล้ว AR เป็นสื่อทางศิลปะที่ทรงพลังสำหรับการเล่าเรื่อง เพราะทั้งเต็มอิ่มสมจริงและรับรู้ผ่านหลายประสาทสัมผัส" Tin Nguyen ซึ่งเป็นศิลปินที่ Tin&Ed กล่าว "ขุมพลังของชิป M2 บน iPad Pro ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ช่วยให้เด็กๆ จากทั่วทุกมุมโลกได้คิดจินตนาการถึงโลกใหม่ร่วมกันในแบบเรียลไทม์"
"Deep Field ส่งเสริมให้เด็กๆ ได้ดู ฟัง และคิดเกี่ยวกับโลกธรรมชาติและบทบาทของพวกเขาในโลกใบนั้นอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น" Edward Cutting ซึ่งเป็นศิลปินที่ Tin&Ed กล่าว "เราหวังว่าหลังจากที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์นี้ เด็กๆ จะกลับออกมาพร้อมด้วยความรู้สึกว้าวและอยากรู้อยากเห็น และมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับธรรมชาติและผู้อื่น"
Deep Field เสริมประสบการณ์การรับรู้ผ่านหลายประสาทสัมผัสด้วยมิติเสียงแบบมัลติแชนเนลของพันธุ์สัตว์ที่อาจถูกลืมหรือสูญพันธุ์ไปแล้วจากนักธรรมชาติวิทยาด้านเสียงที่ได้รับการยกย่องอย่าง Martyn Stewart ซึ่งช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้เราได้ตระหนักถึงความงามของสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเสียงในธรรมชาติ นอกจากนี้ Stewart และมูลนิธิ The Listening Planet ของเขายังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบันทึกเสียงของโลกใบนี้เก็บไว้เป็นแค็ตตาล็อกเพื่อให้คนทั้งโลกได้ฟังเสียงจากธรรมชาติ ด้วยความหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยปกป้องอนาคตของโลกได้
Deep Field พร้อมให้นักเรียนและครอบครัวใช้งานแล้วที่ Art Gallery of New South Wales ในซิดนีย์ และจะเปิดให้ผู้เข้าชมได้ใช้งานที่ Getty Center ในลอสแอนเจลิส ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม
"Deep Field คือโอกาสใหม่สำหรับผู้เข้าชมรุ่นเยาว์ของเราที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ในจุดที่ศิลปะและเทคโนโลยีมาบรรจบกัน" Dr. Michael Brand ผู้อำนวยการ Art Gallery of New South Wales กล่าว "เราจะเปิดให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์นี้เริ่มจากที่ Yiribana Gallery โดยจะมีการเชิญชวนให้ผู้เข้าชมได้พินิจพิจารณาธรรมชาติแบบใกล้ชิดผ่านมุมมองของวัฒนธรรมที่เก่าแก่และยืนยาวที่สุดของโลก ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะของชาวเกาะอะบอริจินและช่องแคบทอร์เรส ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นจริงได้ก็เพราะวิสัยทัศน์ของ Tin&Ed นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้เด็กๆ ได้สร้างสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัวโดยการสังเกตและโต้ตอบกับภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ของเราในซิดนีย์แถบ Gadigal Country"
"ครั้งนี้ถือเป็นการร่วมงานกันครั้งที่สองระหว่าง Getty กับ Tin&Ed หลังจากที่ Tin&Ed เคยพัฒนาแอป iOS ให้กับนิทรรศการ William Blake ของเราไปแล้ว" Timothy Potts, Maria Hummer-Tuttle และ Robert Tuttle ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ J. Paul Getty Museum กล่าว "Deep Field เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมนำงานศิลปะในคอลเลกชั่นของ Getty มาใช้เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งรวมถึง Central Garden (งานศิลปะมีชีวิต) ของเราเอง และร่วมกันสร้างผลงานกับคนอื่นๆ จากอีกซีกโลกเพื่อรังสรรค์งานศิลปะแบบอินเทอร์แอ็คทีฟที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาในแบบ Augmented Reality นอกจากจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างศิลปะแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีใหม่แล้ว ยังเป็นการย้ำเตือนด้วยว่าพวกเราอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นบนโลกใบนี้ที่มีเพียงหนึ่งเดียว และการดูแลโลกใบนี้ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม"
หลังจากที่เปิดให้สัมผัสประสบการณ์ในซิดนีย์และลอสแอนเจลิสแล้ว Deep Field จะออกทัวร์ไปทั่วโลกเริ่มจากยุโรปในเดือนตุลาคม และเอเชียในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งรวมถึง ArtScience Museum ในสิงคโปร์
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

รายชื่อติดต่อสำหรับสื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com