Apple ความเป็นส่วนตัว การควบคุม

การควบคุม
อยู่ในมือคุณ

ความเป็นส่วนตัวได้รับการออกแบบรวมเป็นส่วนหนึ่ง
มาตั้งแต่แรกเริ่ม นับแต่วินาทีแรกที่คุณเปิดอุปกรณ์เครื่องใหม่ ไปจนถึงทุกครั้งที่คุณใช้แอป และนี่คือข้อควรทราบบางประการที่จะช่วยให้คุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เรียนรู้เกี่ยวกับการตั้งค่าและการควบคุมความเป็นส่วนตัว

แอปการตั้งค่าได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อให้คุณเป็นผู้ควบคุมข้อมูลของคุณเอง โดยที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนว่าต้องการแชร์ข้อมูลอะไร แชร์ที่ไหน และสำรองข้อมูลเมื่อไหร่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ตั้งแต่ iOS 14.5 และ iPadOS 14.5 เป็นต้นไป คุณยังสามารถควบคุมได้มากขึ้นว่าแอปต่างๆ จะใช้ข้อมูลส่วนตัวของคุณเพื่อติดตามคุณอย่างไร

ดู ในหนึ่งวันเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลของคุณบ้าง (PDF)

การตรวจสอบ
ด้านความปลอดภัย

ส่วนนี้ในการตั้งค่า iOS จะช่วยคุณตัดการเชื่อมต่อ iPhone ของคุณจากผู้คน แอป และอุปกรณ์ที่คุณไม่ต้องการเชื่อมต่อด้วยอีกต่อไป

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคลบนอุปกรณ์ Apple
ใหม่

คำเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน

คำเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการมองเห็นรูปภาพและวิดีโอที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจมีการเปลือยกายได้ ด้วยการเบลอรูปภาพและวิดีโอเหล่านั้นในเบื้องต้น ซึ่งใช้งานได้ในแอปข้อความ, ไฟล์จาก AirDrop, ข้อความวิดีโอใน FaceTime รวมถึงในแอปโทรศัพท์เมื่อได้รับโปสเตอร์ของรายชื่อ โดยคุณสมบัตินี้เป็นตัวเลือกเสริมในการใช้งาน ซึ่งคุณสามารถเปิดใช้งานได้ในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การประมวลผลรูปภาพและวิดีโอทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ของคุณ นั่นหมายความว่าทั้ง Apple และบุคคลอื่นจะไม่สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ดังกล่าวได้

ป้ายแสดงรายละเอียดแนวทางด้านความเป็นส่วนตัว

หน้าผลิตภัณฑ์บน Apple Store จะแสดงเนื้อหาส่วนข้อมูลสรุปซึ่งนักพัฒนาได้จัดทำขึ้นด้วยตนเองเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวบางส่วนในแบบป้ายที่อ่านง่ายไม่ซับซ้อน โดยจะแสดงวิธีที่นักพัฒนาเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลของคุณ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง ประวัติการท่องเว็บ และรายชื่อต่างๆ ของคุณ งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและให้คุณควบคุมข้อมูลของคุณเองได้ โดย Apple จะยังคงปรับปรุงพัฒนาคุณสมบัตินี้ต่อไปและจะทำงานร่วมกับนักพัฒนาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการรับข้อมูลเองได้

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับป้ายแสดงรายละเอียดแนวทาง
ด้านความเป็นส่วนตัว
ดูว่าแอปจาก Apple จัดการกับ
ข้อมูลของคุณอย่างไร

ความโปร่งใสในการติดตามของแอป

อุปกรณ์ของคุณเต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตคุณ และเราเชื่อว่าคุณควรมีทางเลือกเกี่ยวกับวิธีการที่แอปต่างๆ ใช้เพื่อติดตามและแชร์ข้อมูลของคุณให้กับบริษัทอื่นเพื่อการโฆษณาหรือกับนายหน้าหาข้อมูล

ตั้งแต่ iOS 14.5 และ iPadOS 14.5 เป็นต้นไป แอปจำเป็นจะต้องขออนุญาตจากคุณก่อน เมื่อต้องการติดตามคุณในแอปและเว็บไซต์ที่บริษัทอื่นเป็นเจ้าของ โดยที่คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้สำหรับทุกแอป หรือจะป้องกันไม่ให้แอปขออนุญาต
ก็ทำได้เลยในการตั้งค่า

รายงานความเป็นส่วนตัวของแอป

ดูได้ง่ายๆ ว่าแอปของคุณทำอะไรไปบ้างเมื่อคุณเปิดใช้คุณสมบัติรายงานความเป็นส่วนตัวของแอป ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ในการตั้งค่าที่จะแสดงให้คุณเห็นว่าแอปต่างๆ เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้ง รูปภาพ กล้อง ไมโครโฟน และรายชื่อของคุณบ่อยแค่ไหนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา แถมยังแสดงโดเมนที่แอปเหล่านั้นติดต่อด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับป้ายแสดงแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวแล้ว คุณสมบัตินี้จะช่วยให้คุณมองเห็นได้ครบถ้วนยิ่งขึ้นว่าแอปที่คุณใช้นั้นจัดการกับความเป็นส่วนตัวของคุณอย่างไร

การอนุญาตใช้งาน
กระดานพักข้อมูล

แอปจะต้องได้รับอนุญาตจากคุณก่อนจึงจะสามารถใช้งานกระดานพักข้อมูลเพื่อวางคอนเทนต์จากแอปอื่น

แอปของบริษัทอื่น
และการอนุญาต

Apple มีความโปร่งใสเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณแชร์กับแอปและให้คุณสามารถควบคุมได้ โดยแอปอาจขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลต่างๆ อย่างตำแหน่งที่ตั้ง รายชื่อ ปฏิทิน หรือรูปภาพ และคุณก็จะได้รับข้อความแจ้งพร้อมคำอธิบายในครั้งแรกที่แอปของบริษัทอื่นต้องการใช้ข้อมูลนี้ เพื่อให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือไม่ และถึงแม้จะอนุญาตไปแล้ว ก็สามารถเข้าไปในการตั้งค่าเพื่อเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้เสมอ ซึ่งทั้ง iOS และ iPadOS จะกำหนดให้นักพัฒนาต้องได้รับอนุญาตจากคุณก่อนที่จะติดตามคุณหรืออุปกรณ์ในแอปและเว็บไซต์ที่บริษัทอื่นเป็นเจ้าของ เพื่อแสดงโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมาย หรือโฆษณาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการตรวจสอบ หรือเพื่อแชร์ข้อมูลของคุณกับนายหน้าหาข้อมูล

ซึ่งหากคุณไม่อนุญาตก็จะไม่มีแอปใดสามารถเข้าถึงไมโครโฟนหรือกล้องได้ โดยใน iOS 14 และ iPadOS 14 หรือใหม่กว่า เมื่อมีแอปใดแอปหนึ่งใช้งานไมโครโฟนหรือกล้อง อุปกรณ์จะแสดงสัญญาณเตือนเพื่อบอกให้คุณรู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวกำลังถูกใช้งาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแอปนั้น หรืออยู่ในแอปอื่น รวมถึงเมื่ออยู่ที่หน้าจอโฮมด้วย อีกทั้งศูนย์ควบคุมก็จะแสดงให้คุณเห็นว่ามีแอปใดแอปหนึ่งใช้งานไมโครโฟนหรือกล้องไปเมื่อไม่นานมานี้ และใน iOS และ iPadOS กล้องจะไม่สามารถใช้งานได้สำหรับแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง

แต่บางครั้งแอปก็จำเป็นต้องรู้ว่ามีอุปกรณ์เครื่องอื่นอยู่ร่วมเครือข่ายในพื้นที่ของคุณหรือไม่ เช่น ขณะที่คุณกำลังพยายามเชื่อมต่อกับสมาร์ททีวีหรือพริ้นเตอร์ ทั้งนี้ตั้งแต่ iOS 14 และ iPadOS 14 เป็นต้นไป แอปต่างๆ จะต้องขออนุญาตจากคุณก่อนที่จะสแกนเครือข่ายในพื้นที่ของคุณ

อีกทั้ง iOS และ iPadOS ยังจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อมีแอปใดแอปหนึ่งเข้าถึงคลิปบอร์ด เพื่อที่คุณจะได้ตรวจสอบยืนยันว่าแอปดังกล่าวได้รับสิทธิ์เข้าใช้งานเฉพาะรายการที่คุณต้องการเท่านั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลและความเป็นส่วนตัว

หน้าจอแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลและความ
เป็นส่วนตัวจะช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างง่ายดายถึงวิธีที่ Apple จะใช้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ โดยรายละเอียดนี้ จะปรากฏขึ้นก่อนที่คุณจะลงชื่อเข้าใช้หรือเริ่มใช้คุณสมบัติใหม่ต่างๆ เมื่อคุณเห็นไอคอนข้อมูลและความเป็นส่วนตัวคุณจะดูได้ว่ามีข้อมูลส่วนตัวใดบ้างที่อาจมีการแชร์ รวมถึงข้อมูลเหล่านี้จะนำไปช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณอย่างไรได้บ้าง

ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง

บางครั้งการรู้ถึงตำแหน่งที่คุณอยู่ก็เป็นประโยชน์สำหรับอุปกรณ์ อย่างเช่น เมื่อคุณนัดหมายการประชุมในปฏิทิน หรือขอดูเส้นทาง บริการหาตำแหน่งที่ตั้งในอุปกรณ์ของคุณจะใช้ทั้ง GPS, Bluetooth และฮอตสปอต Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เพื่อระบุตำแหน่งของคุณ และ Apple ยังให้คุณควบคุมการเก็บข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งและการนำข้อมูลนี้ไปใช้ในอุปกรณ์ทุกเครื่องอีกด้วย และตั้งแต่ iOS 14, iPadOS 14 และ watchOS 7 เป็นต้นไป คุณยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งโดยประมาณของคุณหรือไม่ ซึ่งก็จะบอกเป็นพื้นที่กว้างๆ ประมาณ 25 ตารางกิโลเมตร แทนที่จะให้รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด โดยบริการหาตำแหน่งที่ตั้งจะไม่ได้ถูกเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปิดใช้งานได้เมื่อตั้งค่าอุปกรณ์ครั้งแรก และสามารถปิดได้ทุกเมื่อหากเปลี่ยนใจ

ดูรายงานอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (PDF)

หน้าข้อมูล
และความเป็นส่วนตัว

เพื่อให้คุณควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้มากขึ้น เราได้
เตรียมชุดเครื่องมือด้านการจัดการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะไว้ในหน้าข้อมูลและความเป็นส่วนตัว ซึ่ง
ด้วยชุดเครื่องมือนี้ คุณจะสามารถคัดลอกข้อมูล
ขอให้มีการแก้ไขข้อมูล ปิดใช้งานบัญชี
หรือลบบัญชีของคุณได้

ดูเกี่ยวกับการควบคุมข้อมูลด้วยตัวคุณเอง ไปที่หน้าข้อมูลและความเป็นส่วนตัว

การวิเคราะห์

หากคุณเลือกเปิดการทำงานในส่วนนี้ อุปกรณ์ iOS และ iPadOS ของคุณจะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์เกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ รวมถึง Apple Watch ที่จับคู่อยู่ด้วยกัน แล้วส่งข้อมูลทั้งหมดมาที่ Apple เพื่อเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ต่อไป
ซึ่งการวิเคราะห์นี้จะช่วยให้ Apple ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และลดปัญหาต่างๆ อย่างการที่แอปปิดการทำงานเอง โดยข้อมูลที่เก็บรวบรวมจะไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้ และการส่งข้อมูลมายัง Apple จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดเจนจากคุณแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ข้อมูลการวิเคราะห์อาจมีรายละเอียดเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์และข้อมูลทางเทคนิคของระบบปฏิบัติการ สถิติด้านประสิทธิภาพการทำงาน
และข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันต่างๆ อีกทั้งในขณะที่เก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว
จะไม่มีการบันทึกข้อมูลส่วนตัวใดๆ เอาไว้ หรือมีการลบข้อมูลส่วนตัวออกจากรายงานก่อนส่งมายัง Apple หรือใช้เทคนิคต่างๆ เช่น Differential Privacy
เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้น

ข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมด้วยเทคนิค Differential Privacy นั้นมีส่วนช่วยในการปรับปรุงบริการต่างๆ ของเราโดยไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีนี้จะช่วยปรับปรุง QuickType และการแนะนำอิโมจิ รวมถึงคุณสมบัติคำใบ้การค้นหาในแอปโน้ตด้วย

โดยเราสามารถระบุประเภทของข้อมูลที่ใช้โดยทั่วไปใน
แอปสุขภาพและเว็บโดเมนใน Safari ที่ทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพได้ ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยให้เราร่วมมือกับนักพัฒนาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณโดยไม่มีการเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของคุณทั้งสิ้น

หากคุณแสดงความยินยอมอย่างชัดเจนว่าต้องการ
แชร์ข้อมูลการวิเคราะห์ iCloud แล้ว Apple ก็จะ
วิเคราะห์วิธีการใช้งานข้อมูล iCloud จากบัญชี
ของคุณ เช่น ข้อความสั้นๆ จากเนื้อหาในอีเมล
เพื่อปรับปรุง Siri และคุณสมบัติอัจฉริยะอื่นๆ ซึ่ง
การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อข้อมูลนั้นๆ ได้ผ่าน
เทคนิคการเพิ่มความเป็นส่วนตัว อย่าง Differential
Privacy แล้วเท่านั้น ข้อมูลดังกล่าวจึงไม่สามารถ
เชื่อมโยงไปถึงคุณหรือบัญชีของคุณได้

การโฆษณา

Apple ยึดมั่นในการนำเสนอโฆษณาในแบบที่เคารพความเป็นส่วนตัวของคุณ โดยโฆษณาที่นำเสนอโดย Apple นั้นอาจปรากฏใน App Store และในแอปหุ้น ซึ่งแพลตฟอร์มโฆษณาของ Apple จะไม่ติดตามคุณ รวมถึงจะไม่ซื้อหรือแชร์ข้อมูลส่วนตัวของคุณกับบริษัทอื่นๆ ด้วย อีกทั้งแพลตฟอร์มโฆษณาของ Apple ก็จะไม่ใช้ข้อมูลของแอปสุขภาพ และข้อมูลของแอป HomeKit ในการแสดงโฆษณา อย่างไรก็ตามอาจมีการใช้ประวัติการค้นหา App Store และการดาวน์โหลดเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของคุณ อย่างในแอปหุ้น โฆษณาที่คุณเห็นบางส่วนจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอ่านหรือติดตาม ซึ่งรวมถึงหัวข้อและหมวดหมู่ของเรื่องราวที่คุณอ่านและสื่อสิ่งพิมพ์ที่คุณติดตาม สมัครสมาชิก หรือเปิดใช้งานการแจ้งเตือน ทั้งนี้เรื่องราวต่างๆ ที่คุณอ่านจะไม่ถูกนำมาใช้เพื่อแสดงโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมายแก่คุณในที่อื่นๆ นอกเหนือจากในแอปเหล่านี้ โดยคุณสามารถดูข้อมูลที่ Apple ใช้เพื่อนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของคุณได้ในการตั้งค่า อีกทั้งคุณยังสามารถปิดการใช้งานโฆษณาสำหรับคุณโดยเฉพาะได้ตลอดเวลาในการตั้งค่าเพื่อหยุดรับโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมายบน App Store และแอปหุ้น อย่างไรก็ตามการปิดใช้โฆษณาสำหรับคุณโดยเฉพาะจะจำกัดความสามารถของ Apple ในการส่งโฆษณาที่ตรงกับความสนใจให้กับคุณ แต่อาจไม่ลดจำนวนโฆษณาที่คุณได้รับ และแพลตฟอร์มโฆษณาของ Apple จะไม่นำเสนอโฆษณาให้แก่เด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปี รวมถึง Apple ID ที่มีการจัดการ นอกจากนี้ Apple ยังมีแนวทางที่เข้มงวดสำหรับแอปต่างๆ ในหมวดหมู่เด็กบน App Store รวมถึงห้ามไม่ให้แอปในหมวดหมู่นี้ใส่ระบบวิเคราะห์ของนักพัฒนารายอื่น หรือแสดงโฆษณาของบริษัทอื่น

ปกป้องอุปกรณ์ของคุณ

ป้องกันไม่ให้คนอื่นนอกจากคุณสามารถ
ใช้งานอุปกรณ์และเข้าถึงข้อมูลของคุณได้

โหมดล็อคดาวน์

โหมดล็อคดาวน์ช่วยป้องกันสปายแวร์ที่เจาะจงเป้าหมายโดยการเพิ่มทางเลือกในการปกป้องให้กับผู้ใช้บางกลุ่มที่ต้องเผชิญกับการโจมตีทางดิจิทัลที่มีความแยบยล อย่างการโจมตีจากบริษัทเอกชนที่พัฒนาสปายแวร์โดยมีรัฐเป็นผู้ว่าจ้างผลิต
โดยโหมดล็อคดาวน์ใน iOS 16 หรือใหม่กว่า, iPadOS 16 หรือใหม่กว่า, macOS Ventura หรือใหม่กว่า และ Apple Watch จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันอุปกรณ์และจำกัดฟังก์ชั่นการทำงานบางอย่าง ซึ่งสามารถลดประสิทธิภาพในการโจมตีของสปายแวร์เหล่านี้ลงได้มาก

รหัสผ่าน 6 หลัก

การตั้งค่ารหัสผ่านถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ในการปกป้องอุปกรณ์ของคุณ รหัสผ่านบนอุปกรณ์
ที่รองรับการใช้งาน Touch ID หรือ Face ID ของคุณจะถูกตั้งค่าเป็นตัวเลข 6 หลักโดยอัตโนมัติ ซึ่งเท่ากับเป็นการจับคู่รหัสที่เป็นไปได้มากมายนับล้านชุด นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดใช้งานคุณสมบัติ
ลบข้อมูลในการตั้งค่าได้ ทีนี้อุปกรณ์ของคุณ
ก็จะล้างข้อมูลด้วยตัวเองหลังจากที่มีการ
เดารหัสผิดครบ 10 ครั้ง

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปกป้องอุปกรณ์ของคุณด้วยรหัสผ่าน

Touch ID และ Face ID

Touch ID และ Face ID เป็นวิธียืนยันตัวตน
ที่เรียบง่ายและปลอดภัย เพียงแค่ใช้นิ้วสัมผัสหรือเหลือบมอง โดยข้อมูลลายนิ้วมือหรือใบหน้าของคุณ
จะถูกแปลงเป็นรูปแบบสมการทางคณิตศาสตร์ ซึ่งจะ
ได้รับการเข้ารหัสและใช้งานโดย Secure Enclave
ใน Mac, iPad หรือ iPhone ของคุณเท่านั้น และเนื่องจากข้อมูลลายนิ้วมือและใบหน้าถือเป็นข้อมูลส่วนตัว อุปกรณ์ของคุณจึงปกป้องข้อมูลนี้ด้วยความรัดกุมสูงสุด โดยที่ระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์ของคุณหรือแอปพลิเคชันใดๆ ที่ทำงานบนอุปกรณ์นั้นก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ รวมถึงจะไม่มีการจัดเก็บ
ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Apple หรือสำรองข้อมูลไว้ใน iCloud หรือที่อื่นๆ แต่อย่างใด

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มของ Apple

ค้นหาของฉัน

การเปิดใช้แอปค้นหาของฉันสำหรับ iPhone, iPad และ Mac ช่วยให้คุณยังคงเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณได้หากเครื่องถูกขโมยหรือสูญหาย และแอปค้นหาของฉันยังออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณอีกด้วย เพียงลงชื่อเข้าใช้ iCloud ในอุปกรณ์เครื่องใหม่ แอปก็จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ให้คุณสามารถดูได้ว่าอุปกรณ์ของคุณอยู่ที่ไหนบนแผนที่ หรือเคยอยู่ตรงไหนมาบ้าง ดังนั้นโอกาสที่คุณจะได้เครื่องคืนจึงมีมากขึ้นกว่าเดิม หรือถ้าไม่สามารถได้เครื่องคืนมา คุณก็ยังลบข้อมูลส่วนตัวออกจากเครื่องได้จากระยะไกล โดย Apple จะได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของเครื่องนี้ก็ต่อเมื่อคุณระบุตำแหน่งอุปกรณ์ เปิดโหมดสูญหาย หรือเปิดใช้งานคุณสมบัติส่งตำแหน่งที่ตั้งล่าสุดเท่านั้น ส่วนข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งก็จะถูกเก็บไว้เป็นเวลาเพียง 24 ชั่วโมง เพื่อให้เราสามารถแสดงตำแหน่งล่าสุดที่พบอุปกรณ์ของคุณได้ ยิ่งกว่านั้นแอปค้นหาของฉันยังเปิดใช้คุณสมบัติการล็อคการเข้าใช้เครื่องโดยอัตโนมัติอีกด้วย ทีนี้ไม่ว่าใครที่ต้องการลบข้อมูลหรือเปิดใช้อุปกรณ์ของคุณอีกครั้งก็จะต้องป้อน Apple ID ของคุณก่อน

เครือข่ายแอปค้นหาของฉันอาศัยอุปกรณ์ Apple หลายร้อยล้านเครื่องที่มาพร้อมเทคโนโลยี Bluetooth เพื่อช่วยคุณตรวจหาอุปกรณ์หรือสิ่งของที่หายไปซึ่งอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ Apple เครื่องอื่นๆ พร้อมกับรายงานตำแหน่งคร่าวๆ ของสิ่งนั้นกลับมาที่คุณด้วย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้มีการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จึงมั่นใจได้ว่าตำแหน่งและข้อมูลของอุปกรณ์ที่หายไปจะยังคงปลอดภัยโดยที่ Apple และผู้ผลิตรายอื่นไม่มีทางรู้

การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย

การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ในการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของคุณ
เนื่องจากเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Apple ID
อีกขั้น และได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจได้ว่า
ถึงคนอื่นจะรู้รหัสผ่านของคุณก็ไม่สามารถใช้งาน
บัญชีของคุณได้ โดยรหัสการตรวจสอบยืนยันจะปรากฏ
โดยอัตโนมัติบนอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ของคุณทุกเครื่อง
เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้จากอุปกรณ์เครื่องใหม่หรือจากเว็บ
จากนั้น เพียงแค่ป้อนรหัสนี้พร้อมกับรหัสผ่าน คุณก็จะ
ลงชื่อเข้าใช้ได้ทันที ส่วนผู้ที่ไม่สามารถใส่ทั้งรหัสผ่าน
ของคุณและรหัสการตรวจสอบยืนยันได้อย่างถูกต้องก็จะ
เข้าใช้งานไม่ได้ และหลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้แล้ว อุปกรณ์
เครื่องนั้นจะไม่ขอรหัสการตรวจสอบยืนยันจากคุณอีก
เว้นแต่คุณจะลงชื่อออกจากระบบ ลบข้อมูลในอุปกรณ์
หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่านเนื่องจากเหตุผล
ด้านความปลอดภัย

ดูวิธีตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย

การแจ้งเตือน AirTag

iPhone จะบอกให้คุณรู้เมื่อตรวจพบว่ามี AirTag ที่ไม่ใช่ของคุณกำลังเดินทางไปพร้อมกับคุณ และเมื่อพบแล้ว คุณก็สามารถขอดูคำแนะนำในการปิดใช้งานได้ นอกจากนี้ AirTag ที่แยกจากเจ้าของเป็นระยะเวลานานก็จะส่งเสียงเพื่อดึงดูดความสนใจ ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AirTag และการแจ้งเตือน

อีกหลากหลายวิธีในการเก็บข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย

ระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงด้วยวิธีต่างๆ ที่พยายามล้วงข้อมูลส่วนตัวของคุณ

ให้ความสำคัญ
กับการแจ้งเตือน

เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ใหม่เป็นครั้งแรก
อัปเดตวิธีการชำระเงิน เปลี่ยนรหัสผ่าน หรือทำการ
เปลี่ยนแปลงอื่นๆ กับบัญชี คุณจะได้รับการแจ้งเตือน
จาก Apple ผ่านทางอีเมล หรือการแจ้งเตือนแบบพุช
ดังนั้นถ้าคุณได้รับแจ้งเตือนจากเราเกี่ยวกับการ
เปลี่ยนแปลงที่คุณไม่ได้ทำ ย่อมอาจเป็นไปได้ว่ามี
ผู้อื่นลักลอบเข้าใช้บัญชีของคุณ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์
เช่นนี้ขึ้น ให้ไปที่ "จัดการ Apple ID ของคุณ" เพื่อ
เปลี่ยนรหัสผ่านของคุณทันที และหากคุณต้องการ
ความช่วยเหลือเพิ่มเติม โปรดติดต่อฝ่าย
บริการช่วยเหลือของ Apple

เปลี่ยนรหัสผ่านสำหรับ Apple ID ของคุณ ติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือ Apple ID

ระวังการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง

"ฟิชชิ่ง" หมายถึงความพยายามที่จะล่อลวง
เอาข้อมูลส่วนตัวจากคุณ ไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่าน
สำหรับ Apple ID หรือข้อมูลบัตรเครดิต ซึ่งมักจะ
เป็นการล่อลวงผ่านทางอีเมล หรือข้อความตัวอักษร
โดยคำขอนั้นจะดูเหมือนว่าส่งมาจากบริษัทหรือ
บุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
การเปิดการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ในการปกป้องตัวคุณเองจากการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
ที่ออกแบบมาเพื่อหลอกล่อให้คุณเปิดเผยข้อมูล
ประจำตัวในบัญชี Apple ID ของคุณ ระวังอย่าให้
รหัสผ่าน รหัสยืนยัน หรือข้อมูลบัญชีที่สำคัญอื่นๆ
ผ่านทางอีเมล หรือข้อความตัวอักษร และหากคุณได้รับ
อีเมลที่คิดว่าเป็นการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง และอ้างว่า
ส่งมาจาก Apple โปรดส่งอีเมลนั้นมาที่
reportphishing@apple.com

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปกป้องตัวคุณเองจากการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง

ค่านิยมของเรา

คือตัวกำหนดทิศทาง