คำถามเพิ่มเติม พบกับคำตอบอื่นๆ เกี่ยวกับ Apple กับสิ่งแวดล้อม

1. ใครคือผู้นำด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ Apple

Lisa P. Jackson คือผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคมของ Apple โดยขึ้นตรงกับ Tim Cook ประธานบริหาร ซึ่งหน้าที่ของสำนักงานโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคมก็คือประสานกับทีมงานส่วนต่างๆ ของ Apple เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ ร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง วัดผลและประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าเกี่ยวกับคำมั่นของ Apple ในการลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยกว่า และใช้วัสดุอย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ขณะที่คณะกรรมการบริษัทของ Apple เองก็ดำเนินการตรวจสอบประธานบริหารและผู้บริหารอาวุโสเกี่ยวกับศักยภาพและการดำเนินกิจการอย่างมีจริยธรรมอยู่เป็นกิจวัตร เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเม็ดเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ซึ่งวิธีการแบบบูรณาการของเรานี้แสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมนั้นจะต้องผ่านการพิจารณาจากทีมงานระดับสูงสุดของบริษัท และสมาชิกในทีมผู้บริหารก็จะคอยตรวจสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทุกชนิดในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาอยู่เสมอ โดยให้ความสำคัญในเรื่องของการเลือกวัสดุและการออกแบบ ซัพพลายเชน บรรจุภัณฑ์ และการประหยัดพลังงานของผลิตภัณฑ์

2. Apple วางแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซทั้งหมดให้เหลือศูนย์ภายในปี 2030 อย่างไร

ด้วยความที่เป็นบริษัทระดับโลกขนาดใหญ่ เราเชื่อว่าเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องลดผลกระทบที่มีต่อสภาพอากาศด้วยขั้นตอนที่เข้มงวด เด็ดขาด และครอบคลุม เราจึงมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซให้เป็นศูนย์จากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งรวมถึงทุกผลิตภัณฑ์ของเรา ด้วยการลดการปล่อยก๊าซให้ได้ 75 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2015 โดยเราพยายามลดการปล่อยก๊าซส่วนใหญ่ด้วยการใช้นวัตกรรมในด้านวัสดุ พลังงานสะอาด และการขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ทั้งยังลงทุนในโครงการที่เน้นเรื่องธรรมชาติเพื่อชดเชยส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป้าหมายปี 2030 ของเราเข้มงวดยิ่งกว่าคำแนะนำเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนระดับโลกภายในกรอบเวลา 20 ปีของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และเราก็ได้เริ่มมีความก้าวหน้าไปแล้วโดยลดการปล่อยก๊าซจากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ทั้งหมดของเราถึงกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2015

3. Apple ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ Apple อย่างไร

ในการประเมินวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (LCA) นั้น เราคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยใช้ค่าศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนในกรอบเวลา 100 ปี หรือ GWP100 จากรายงานการประเมินครั้งที่ 6 โดย IPCC ประจำปี 2023 (AR6) ซึ่งรวมถึงคาร์บอนชีวภาพ และ 5 ขั้นตอนที่เราใช้ในการทำ LCA มีรายละเอียดดังนี้

  1. ในการสร้างโมเดลของระยะที่เป็นการผลิตนั้น เราใช้วิธีวัดผลิตภัณฑ์ทั้งชิ้นแบบทีละชิ้นส่วนควบคู่ไปกับข้อมูลการผลิตชิ้นส่วน และในบางกรณีที่ไม่มีข้อมูลแยกสำหรับชิ้นส่วนแต่ละชิ้น เราก็จะใช้รายละเอียดของขนาดและน้ำหนักที่มาจากข้อมูลในขั้นของการออกแบบแทน โดยการวัดนี้ช่วยให้เราสามารถระบุขนาดและน้ำหนักของส่วนประกอบและวัสดุในผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและความสูญเสียผลผลิตต่อวัตถุดิบในระหว่างการผลิตนั้นก็ทำให้เราคำนวณผลกระทบที่เกิดจากการผลิตได้ นอกจากนี้ LCA ยังนับรวมไปถึงอุปกรณ์เสริมและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการปล่อยก๊าซที่ลดลงจากโครงการพลังงานสะอาดของซัพพลายเออร์ Apple และเมื่อคำนวณปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์โดยรวมของ Apple เรายังพิจารณารวมไปถึงเครื่องที่ได้รับการซ่อมและเปลี่ยนผ่าน AppleCare ด้วย

  2. ในการสร้างโมเดลการใช้งานของลูกค้านั้น เราวัดปริมาณพลังงานที่ผลิตภัณฑ์หนึ่งใช้ขณะทำงานในสถานการณ์ที่จำลองขึ้น โดยรูปแบบการใช้งานประจำวันจะเป็นรูปแบบเฉพาะสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ และเป็นการผสมกันระหว่างข้อมูลการใช้งานจริงของลูกค้ากับข้อมูลต้นแบบ ซึ่งจุดประสงค์การประเมินของเราในส่วนอายุการใช้งานโดยอ้างอิงจากเจ้าของรายแรกนั้น เราได้กำหนดค่าต้นแบบไว้เท่ากับ 4 ปี สำหรับอุปกรณ์ macOS และ tvOS และ 3 ปี สำหรับอุปกรณ์ iOS, iPadOS และ watchOS อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ Apple ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่านั้นและมักถูกส่งต่อ จำหน่ายต่อ หรือส่งคืนมายัง Apple จากเจ้าของรายแรกเพื่อให้ผู้อื่นได้ใช้งานต่อ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้พลังงานของผลิตภัณฑ์ของเราได้ใน รายงานด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์

  3. ในการสร้างโมเดลการขนส่ง เราใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากการจัดส่งผลิตภัณฑ์แบบชิ้นเดียวและหลายชิ้นทั้งทางบก ทะเล และอากาศ นอกจากนี้เรายังพิจารณาถึงการขนส่งวัสดุระหว่างไซต์การผลิตแต่ละแห่งด้วย ตั้งแต่การขนส่งผลิตภัณฑ์จากไซต์การผลิตไปยังศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค การขนส่งผลิตภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคไปยังลูกค้าแต่ละราย และการขนส่งผลิตภัณฑ์จากลูกค้าขั้นสุดท้ายไปยังโรงงานรีไซเคิล

  4. ในการสร้างโมเดลการสิ้นสุดอายุการใช้งาน เราใช้ข้อมูลส่วนประกอบของวัสดุในผลิตภัณฑ์ของเรา และคำนวณอัตราส่วนโดยประมาณของผลิตภัณฑ์ที่ถูกส่งไปรีไซเคิลหรือกำจัดทิ้ง ซึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปรีไซเคิล เราจะบันทึกข้อมูลจากการประมวลผลขั้นต้นโดยผู้ให้บริการรีไซเคิลเพื่อเตรียมผลิตภัณฑ์สำหรับการคัดแยกเส้นทางของวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ โลหะ พลาสติก และแก้ว แต่จะไม่พิจารณารวมไปถึงกระบวนการรีไซเคิลในลำดับต่อๆ ไป เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวถือเป็นขั้นของการผลิต ไม่ใช่การจัดการเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งาน ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปทิ้งนั้น เราจะบันทึกข้อมูลการปล่อยก๊าซที่เกี่ยวข้องกับการฝังกลบขยะหรือการเผาวัสดุแต่ละชนิด

  5. หลังจากที่เราเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต การใช้งาน การขนส่ง และการสิ้นสุดอายุการใช้งานแล้ว เราจะนำข้อมูลดังกล่าวไปรวมเข้ากับข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ละเอียด โดยข้อมูลการปล่อยก๊าซนี้มาจากข้อมูลเฉพาะของ Apple ที่รวมเข้ากับชุดข้อมูลที่เป็นค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในด้านการผลิตวัสดุ กระบวนการผลิต การผลิตกระแสไฟฟ้า และการขนส่ง ซึ่งในส่วนของพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในซัพพลายเชน ทั้งที่ริเริ่มขึ้นเองโดยซัพพลายเออร์หรือผ่านโครงการพลังงานสะอาดสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple ก็ล้วนถือเป็นส่วนหนึ่งในโมเดล LCA โดยที่การนำข้อมูลเฉพาะผลิตภัณฑ์มารวมเข้ากับข้อมูลการปล่อยก๊าซใน LCA ของเรานั้นก็ช่วยให้เราสามารถประมวลข้อมูลออกมาเป็นผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สัมพันธ์กับแต่ละผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดได้ ส่วนข้อมูลและแนวทางการสร้างโมเดลก็ได้รับการตรวจสอบคุณภาพและความถูกต้องโดยสถาบัน Fraunhofer ในเยอรมนี

ข้อจำกัดในด้านข้อมูล คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการสร้างโมเดลการปล่อยก๊าซคาร์บอน สำหรับส่วนประกอบที่เป็นต้นเหตุการปล่อยก๊าซคาร์บอนของ Apple อันดับแรกๆ นั้น Apple ได้แก้ไขปัญหาความไม่แน่นอนนี้ด้วยการพัฒนาโมเดลสิ่งแวดล้อมที่อ้างอิงตามกระบวนการอย่างละเอียดโดยใช้พารามิเตอร์เฉพาะของ Apple ส่วนคาร์บอนฟุตพริ้นต์อื่นๆ ที่เหลือที่เกิดจาก Apple นั้น เราได้ทำการอ้างอิงจากข้อมูลเฉลี่ยและสมมติฐานต่างๆ ที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม

4. Apple มีการรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมโดยแยกเป็นแต่ละประเทศหรือไม่

มี เราได้แบ่งข้อมูลออกเป็นการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 1 และ 2 รวมทั้งการใช้ก๊าซธรรมชาติและการใช้ไฟฟ้าตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทั้งหมดอยู่ใน รายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 (PDF) ของเรา รายงานฉบับนี้ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้พลังงานที่ศูนย์ข้อมูลของเราอีกด้วย

5. Apple มีนโยบายด้านสุขภาพอนามัยสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยหรือไม่

มี Apple มุ่งมั่นที่จะปกป้องสิ่งแวดล้อม สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานของเรา รวมถึงลูกค้าของเรา และชุมชนทั่วโลกที่เราปฏิบัติงานอยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่าน แถลงการณ์นโยบายด้านสุขภาพอนามัยสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (PDF) ของเรา

6. Apple จำกัดการใช้สารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหรือไม่

แน่นอน เรามีข้อมูลจำเพาะว่าด้วยสารควบคุม หรือ Regulated Substances Specification ของ Apple ที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับสารหลายชนิดที่ถูกจำกัดหรือห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และการผลิตของ Apple โดยผลิตภัณฑ์ของ Apple ทั้งหมดต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตราย (RoHS) ของยุโรป ซึ่งจำกัดการใช้สารตะกั่ว รวมถึงสารอื่นๆ ซึ่ง Apple จะระบุว่าวัสดุเป็นไปตามมาตรฐาน RoHS เมื่อวัสดุนั้นเป็นไปตามระเบียบสหภาพยุโรป 2011/65/EU และฉบับแก้ไข รวมถึงข้อยกเว้นการใช้ตะกั่ว โดย Apple กำลังพยายามเลิกใช้สารยกเว้นเหล่านี้เมื่อมีความเป็นไปได้ทางเทคนิค และจากแนวทางที่เราใช้กับสารต่างๆ ข้อจำกัดหลายๆ ข้อของ Apple จึงสูงกว่าที่ระเบียบข้อบังคับกำหนดไว้
ดู ข้อมูลจำเพาะว่าด้วยสารควบคุมของ Apple (PDF) เพื่อดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามของเราในการลดและหยุดใช้สารที่เป็นอันตราย

7. Apple จำกัดการใช้สารหน่วงการติดไฟกลุ่มโบรมีน (BFR) และโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) ในผลิตภัณฑ์หรือไม่

ใช่ Apple จะถือว่าวัสดุนั้นเป็นวัสดุที่ปลอดสาร BFR และ PVC หากไม่มีการใช้สารดังกล่าวโดยเจตนา และวัสดุนั้นมีสารโบรมีนและคลอรีนน้อยกว่า 900 ส่วนต่อหนึ่งล้าน (ppm) ซึ่ง Apple เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการเลิกใช้ BFR และ PVC และในปัจจุบันการจำกัดระดับของสารที่ 900 ppm ได้กลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้ว เนื่องจากตามปกติหากมีการใช้ BFR และ PVC ระดับของโบรมีนหรือคลอรีนจะต้องสูงกว่า 900 ppm อย่างมากจึงจะมีผล

การเลิกใช้ BFR และ PVC ของ Apple ครอบคลุมถึงทุกการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2009 ผลิตภัณฑ์ Beats ทั้งหมดที่ผลิตตั้งแต่ปี 2016 และ Beddit Sleep Monitor ที่ผลิตตั้งแต่ปลายปี 2018 และถึงแม้ว่าการเลิกใช้สารดังกล่าวของ Apple จะครอบคลุมผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบส่วนใหญ่ แต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นก่อนๆ อาจไม่ปลอดสาร BFR และ PVC 100% อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้รวมถึงชิ้นส่วนทดแทนและอุปกรณ์เสริม ยังคงได้รับการออกแบบตามที่ระเบียบข้อบังคับกำหนดไว้

ส่วนสายไฟในไทย อินเดียและเกาหลีใต้ที่ยังประกอบด้วยสาร PVC นั้นสืบเนื่องมาจากข้อกำหนดเฉพาะของประเทศดังกล่าว ซึ่งเรายังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติการใช้วัสดุทดแทน PVC

8. Apple ใช้ PFAS ในผลิตภัณฑ์หรือไม่

ที่ Apple เราเป็นผู้นำด้านการเลิกใช้สารที่อาจเป็นอันตรายมาอย่างยาวนาน โดยส่วนหนึ่งคือ เราวางแผนที่จะทำให้พันธมิตรทั้งหมดในซัพพลายเชนของเรามีส่วนร่วมในการจำกัดการใช้สารเคมีเพอร์ฟลูออโรอัลคิลและโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) ทั้งในผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตของเรา รวมถึงพัฒนาสารทดแทนที่มีความปลอดภัยกว่า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ Apple ให้คงเดิม แต่อาจจะทำให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายของ Apple ที่มีมาอย่างยาวนานในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้นทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คน สามารถอ่านได้จาก คำมั่นของเราในการเลิกใช้สารเคมีเพอร์ฟลูออโรอัลคิลและโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) (PDF)

9. REACH คืออะไร และ Apple ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ REACH อย่างไร

The Registration, Evaluation, Authorization and Restriction of Chemicals Regulation EC 1907/2006 หรือที่โดยทั่วไปเรียกว่า REACH คือระเบียบข้อบังคับของสหภาพยุโรปว่าด้วยสารเคมีและการใช้งานอย่างปลอดภัย ซึ่งองค์การจัดการสารเคมีแห่งสหภาพยุโรปได้มีการตีพิมพ์รายชื่อสารเคมีที่ต้องมีการขออนุญาต รวมถึงระบุกลุ่มสารที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง (SVHC) ที่ผู้ผลิตต้องเปิดเผยข้อมูลให้ลูกค้าทราบหากใช้สารนั้นๆ ในผลิตภัณฑ์สูงกว่า 0.1% เมื่อเทียบกับน้ำหนัก

จากรายชื่อสารเคมีที่ต้องมีการขออนุญาตฉบับปัจจุบัน สามารถดูรายการผลิตภัณฑ์ Apple ที่มีสาร SVHC ที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดและต้องเปิดเผยได้ใน REACH SVHC Disclosure (PDF)

สาร SVHC ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกค้าภายใต้การใช้งานตามปกติแต่อย่างใด

10. Apple ใช้สารที่ทำลายชั้นโอโซนหรือไม่

ไม่มีการใช้สารเคมีที่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน (ODC) ในกระบวนการใดๆ ที่ใช้ในการผลิตส่วนประกอบและวัสดุของผลิตภัณฑ์ หรือวัสดุที่ Apple ใช้ในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพิธีสารมอนทรีออลว่าด้วยสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน

11. Apple ช่วยเร่งเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างไร

อุปกรณ์ที่ทนทาน คืออุปกรณ์ที่รักษ์โลกยิ่งกว่า เพราะหากสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้นานขึ้น ก็หมายถึงการขุดทรัพยากรขึ้นมาจากพื้นโลกเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ก็มีความจำเป็นน้อยลง ด้วยเหตุนี้ Apple จึงมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและทนทานที่สุด บวกกับบริการซ่อมโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะสามารถใช้งานได้นานแสนนาน และเมื่อไหร่ที่ลูกค้าของเราเลิกใช้อุปกรณ์ของพวกเขาแล้ว ก็สามารถคืนอุปกรณ์ได้ง่ายๆ ผ่าน Apple Trade In อุปกรณ์เหล่านั้นจึงสามารถนำไปส่งต่อให้กับผู้ใช้รายอื่นหรือนำไปรีไซเคิลอย่างรับผิดชอบ

ในปี 2017 Apple ได้ประกาศคำมั่นว่าวันหนึ่งเราจะผลิตสินค้าโดยใช้เพียงวัสดุหมุนเวียนและวัสดุรีไซเคิลเท่านั้น แล้วเรายังตั้งเป้าหมายว่าจะนำวัสดุกลับมาสู่ตลาดเพื่อให้ Apple หรือผู้ประกอบรายอื่นได้ใช้หากเป็นไปได้ และด้วยความล้ำหน้าที่เกิดขึ้นอย่าง Daisy, Dave และ Taz ซึ่งเป็นหุ่นยนต์แยกชิ้นส่วนของเรา ก็ทำให้เราสามารถนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้นกว่ากระบวนการรีไซเคิลในแบบเดิมๆ

นอกจากนี้เรายังได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ที่ช่วยให้มั่นใจว่า วัสดุที่เราใช้ในผลิตภัณฑ์ของเรานั้นได้รับการจัดหาอย่างรับผิดชอบตามมาตรฐานที่เข้มงวด และผ่านโครงการที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรายังคงเดินหน้าทำตามคำมั่น แต่เราก็ยังท้าทายตนเองเพื่อผลิตสินค้าของเราทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งทรัพยากรอันมีจำกัดบนโลกของเรา และนี่คือเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการประสานความร่วมมือกับทีมงานทุกฝ่ายใน Apple รวมถึงซัพพลายเออร์ของเราตลอดจนผู้ให้บริการรีไซเคิล แต่เราก็ได้เริ่มลงมือทำมันแล้ว

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเราในปัจจุบัน สามารถอ่านได้จาก รายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 (PDF)

12. Apple กำลังลดการใช้พลาสติกใช่มั้ย

Apple มุ่งมั่นที่จะลดการใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ให้ได้ภายในปี 2025 และจะหันไปใช้พลาสติกรีไซเคิลและพลาสติกแบบหมุนเวียนในผลิตภัณฑ์แทน

ความตั้งใจที่จะเลิกใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ของเราโดยสิ้นเชิงนั้นมีความก้าวหน้าไปมากแล้ว โดยบรรจุภัณฑ์ของเรามากกว่า 97% ใช้เยื่อไม้เป็นหลัก และตั้งแต่ปี 2017 มานั้น 100% ของเยื่อไม้ใหม่ที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ของเรามาจากแหล่งไม้ที่มีความรับผิดชอบ

ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2022 เป็นต้นไป เราได้ขยายขอบเขตเป้าหมายด้านบรรจุภัณฑ์ของเราให้สอดคล้องกับผลกระทบที่เกิดจากเรามากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มวลรวมของบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นประมาณ 36% ตามที่แจ้งไว้ในรายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมปี 2023 ของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เรายังนับรวมไปถึงถุงสำหรับการจำหน่ายปลีก, ตัวกล่องสินค้าภายนอกทั้งหมด (รวมถึงส่วนที่เป็นพลาสติกในฉลากและเอกสารในกล่อง), บรรจุภัณฑ์ที่ส่งถึงลูกค้าของเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Apple Trade In, บรรจุภัณฑ์ของ AppleCare สำหรับตัวเครื่องทั้งชิ้นและโมดูลอะไหล่ (ยกเว้นพลาสติกที่ต้องใช้เพื่อปกป้องชิ้นส่วนจากการคายประจุไฟฟ้าสถิต) และบรรจุภัณฑ์รองของผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เสริม Apple ที่จำหน่ายโดย Apple แต่ขอบเขตเป้าหมายของเราไม่ได้รวมถึงหมึกพิมพ์ ตัวเคลือบ หรือสารยึดติดที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ของเรา นอกเหนือจากฟุตพริ้นต์ของบรรจุภัณฑ์เราแล้ว เรายังคำนวณเยื่อไม้ที่ใช้ในสำนักงานของเราด้วย โดยในปีงบประมาณ 2023 นั้น ตัวเลขนี้อยู่ที่ 1,100 เมตริกตัน

13. จะหาหน้าข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตามที่กฎหมาย AGEC กำหนดไว้ได้จากที่ไหน

หน้าข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์เป็นข้อกำหนดในฝรั่งเศส ภายใต้มาตรา 13 ของกฎหมายว่าด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (AGEC) โดย Apple ได้เผยแพร่ข้อมูลนี้ของผลิตภัณฑ์ไว้ในหน้า ข้อมูลผลิตภัณฑ์บนหน้าเว็บคุณสมบัติและลักษณะด้านสิ่งแวดล้อม

14. ฉันจะใช้แบตเตอรี่ในอุปกรณ์ Apple อย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร

คุณสามารถดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่และวิธีใช้แบตเตอรี่อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ที่ apple.com/th/batteries/maximizing-performance

15. ฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่อุปกรณ์ Apple ของฉันเมื่อไหร่และควรทำอย่างไร

คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการและการรีไซเคิลแบตเตอรี่ของคุณได้โดยไปที่ apple.com/th/batteries/service-and-recycling

16. Apple มีบริการซ่อมผลิตภัณฑ์หรือไม่

เราออกแบบผลิตภัณฑ์ของเราให้ทนทานและใช้งานได้ยาวนาน โดยไม่ต้องซ่อมมาก แต่เราเชื่อว่าหากจำเป็นต้องซ่อมผลิตภัณฑ์ ลูกค้าก็ควรเข้าถึงบริการซ่อมที่สะดวกและมีคุณภาพสูงได้อย่างง่ายดาย เราจึงมีตัวเลือกต่างๆ สำหรับบริการซ่อม ทั้งสาขาของ Apple Store, ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตของ Apple, ศูนย์ติดต่อ และบริการนอกสถานที่ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้ขยายบริการซ่อมของเราโดยเพิ่มจำนวนจุดให้บริการระดับมืออาชีพถึงเกือบสองเท่า ซึ่งจุดให้บริการเหล่านี้สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนและเครื่องมือของแท้ รวมถึงการฝึกอบรมจาก Apple ได้ นอกจากนี้เรายังขยายบริการซ่อมให้ครอบคลุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้บริการซ่อมที่บ้านและสำนักงานของลูกค้าในบางเมืองทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา

ตั้งแต่ปี 2019 โปรแกรมผู้ให้บริการซ่อมแบบอิสระของเราช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจซ่อมแบบอิสระทุกขนาดกว่า 4,000 รายสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนและเครื่องมือของแท้ รวมทั้งการวินิจฉัยและการฝึกอบรมของ Apple ได้ จึงมีผู้ให้บริการซ่อมแบบอิสระ พร้อมทั้งเครือข่ายระดับโลกของผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตของ Apple อีกมากกว่า 5,000 ราย ซึ่งเท่ากับว่ามีทีมงานช่างเทคนิคมากกว่า 100,000 รายที่พร้อมให้บริการช่วยเหลือลูกค้าที่จำเป็นต้องซ่อมอุปกรณ์

ในปี 2022 เราได้เปิดตัว Self Service Repair ที่ช่วยให้บุคคลทั่วไปที่มีความรู้และประสบการณ์ในการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถเข้าถึงคู่มือการซ่อม รวมถึงชิ้นส่วนและเครื่องมือ Apple ของแท้ได้ผ่าน Apple Self Service Repair Store โดย Self Service Repair พร้อมให้ใช้ได้ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ สเปน สวีเดน และสหราชอาณาจักร

17. Apple มีข้อเสนอด้านการรีไซเคิลหรือไม่

Apple มีโปรแกรมรับคืนและรวบรวมอุปกรณ์เพื่อนำไปรีไซเคิลใน 99% ของประเทศที่เรา
จำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงโปรแกรมแลกอุปกรณ์ ซึ่งวันนี้มีให้บริการแล้วใน 25 ประเทศ โดย Apple Trade In เปิดโอกาสให้ลูกค้านำอุปกรณ์ Apple ทุกประเภท (รวมถึงอุปกรณ์จากแบรนด์ที่ Apple เป็นเจ้าของ) มารีไซเคิลได้ฟรี นอกจากนี้ Apple Trade In ยังครอบคลุมการรีไซเคิลแบตเตอรี่และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ ที่ลูกค้ากลุ่มพาณิชย์ การศึกษา และสถาบันสามารถขอรับบริการได้ฟรี ซึ่งเมื่อเรารับอุปกรณ์มา ก็จะมีการตรวจสอบและประเมินอย่างละเอียดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิล ส่วน iPhone ที่สิ้นสุดอายุการใช้งานที่เก็บรวบรวมมาจากบางภูมิภาคก็จะถูกส่งไปยัง Daisy ซึ่งเป็นหุ่นยนต์แยกชิ้นส่วนที่สามารถดึงเอาวัสดุอันมีค่าใน iPhone ออกมาได้อย่างล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรีไซเคิลอุปกรณ์ รวมถึงการรีไซเคิลในประเทศที่ยังไม่มี Apple Trade In โปรดไปที่เว็บไซต์ โครงการการนำกลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิลของ Apple

18. Apple กำหนดมาตรฐานด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิแรงงานในซัพพลายเชนหรือไม่

ระเบียบปฏิบัติสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple ได้กำหนดมาตรฐานที่สูงไว้ ซึ่งซัพพลายเออร์จะต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นในด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน สุขภาพและความปลอดภัย การปกป้องสิ่งแวดล้อม ระบบการจัดการ และจริยธรรม โดยเราได้กำหนดให้ซัพพลายเออร์ทุกรายที่ทำธุรกิจร่วมกับ Apple ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติสำหรับซัพพลายเออร์ และมาตรฐานด้านความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวข้อง และในการบังคับใช้ระเบียบปฏิบัตินี้ เราได้จัดทำการประเมินที่เข้มงวด โดยมีการตรวจสอบเกณฑ์ต่างๆ มากกว่า 500 เกณฑ์ เมื่อพบการละเมิดระเบียบปฏิบัติ เรากำหนดให้ซัพพลายเออร์ต้องดำเนินการทันที และเรายังร่วมมือเพื่อช่วยให้ซัพพลายเออร์ปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เราตั้งไว้ด้วย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ เว็บไซต์นวัตกรรมด้านซัพพลายเชน

19. Apple ทำงานร่วมกับ NGO ด้านสิ่งแวดล้อมหรือพันธมิตรรายอื่นหรือไม่

เราทำงานร่วมกับองค์กรไม่แสวงหากำไร อุตสาหกรรม หน่วยงานรัฐ และพันธมิตรทางธุรกิจหลายรายทั่วโลก ทั้งยังร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ที่เก่งที่สุดในแต่ละด้านเพื่อทำแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งหมดของเรา ผ่านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในองค์กรอย่าง Ceres and the World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) ส่วนในด้านความพยายามของเราเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราได้ทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ อันได้แก่ Advanced Energy Economy (AEE), RE100, Japan Climate Leaders’ Partnership และ We Mean Business นอกจากนี้ งานของเราในการสร้างซัพพลายเชนวัสดุแบบหมุนเวียนยังได้รับการสนับสนุนจากการที่เราเป็นสมาชิกกับ Aluminum Stewardship Initiative และ Platform for Accelerating the Circular Economy (PACE) และเราก็ยังเป็นสมาชิกของ Clean Electronics Production Network (CEPN) ของ Green America รวมถึง Green Chemistry and Commerce Council (GC3) ด้วยเช่นกัน หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร่วมมือกับพันธมิตรของเรา สามารถอ่านได้จาก รายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 (PDF)